วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ส่วนผสมสำคัญใน เอนโนเซนต์ (Ennosend) 03

              ส่วนผสมสำคัญใน เอนโนเซนต์ (Ennosend) 03
  10.แอลคาร์นิทีน แอลทาร์เทรท (L-Carnitine L-tartrate)
      แอล-คาร์นีทีนการ์เทต ช่วยในการเผาผลาญไขมัน กระชับกล้ามเนื้อ การวิจัย แสดงให้เห็นว่า L-carnitine tartrate สามารถเพิ่มการสลายไขมัน Fatty Acid Oxidation ในคนทั่วไปได้ งานวิจัยใหม่นี้แสดงให้เห็นผลแบบเดียวกันในหมู่นักกีฬา การค้นพบครั้งนี้ ร่วมกับการศึกษาที่มีมาก่อนยังแสดงด้วยว่า L-carnitine tartrate ช่วยลดการเกิด อนุมูลอิสระ, ช่วยให้เนื้อเยื่อมีการเสียหายน้อยลง และยังลดความเมื่อยล้าหลังการออกกำลังกายลงได้ด้วย? การรับประทาน L-carnitine tartrate เป็นส่วนสำคัญของโภชนาการ การกีฬา (Sport nutrition) ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะ และ ลดความอ่อนล้าหลังออกกำลังกายได้

    11.โครเมี่ยม อะมีโนแอซิด คีเลต (Chromium amino acid chelate)
       โคเมี่ยม คีเลต ช่วยในการเผาผลาญน้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพ โครเมียม คีเลต เป็นแร่ธาตุอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกายในปริมาณไม่มากในแต่ละวัน แต่คนที่ขาดโครเมียม จะมีภาวะทนต่อกลูโคสไม่ดี และการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันไม่ดี อาจส่งให้เกิดความอ้วนได้ง่ายขึ้นกว่าคนปรกติ
        เราสามารถเลือกหาวิธีการรับเกลือแร่โครเมียมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อลดความอ้วนได้จาก ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง หอยนางรม อาหารทะเล และธัญพืชต่างๆ  เกลือแร่โครเมียม สามารถเพิ่มระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งทำหน้าที่กำจัดไขมันคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) อันเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดหรือการแข็งตัวของผนังหลอด เลือด
       ในผู้ที่กำลังลดความอ้วน เกลือแร่โครเมียมสามารถช่วยร่างกายของเรานำน้ำตาลกลูโคสที่มีอยู่ในกระแส เลือดเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปเผาผลาญ เหมือนทำหน้าที่กำจัดไขมันส่วนเกินให้กับร่างกายไปในตัว
       หากเราต้องการใช้วิธีการรับประทานเกลือแร่โครเมียมช่วยในการลดความอ้วนให้ เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อร่างกายจะได้นำพลังงานที่ได้จากกลูโคสไปเผาผลาญได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เรามีรูปร่างที่สวยงาม ไม่ อ้วน อีกต่อไป

  12.วิตามินซี (Vitamin C)
       ประโยชน์ ของวิตามิน ซี (Vitamin C)
     1.บำรุง ผิวพรรณ : วิตามิน ซี ช่วยในการสร้าง Protein Collagen และ Elastin ซึ่งมีความสำคัญช่วยให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่น กระชับไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย
     2.เสริม สร้างภูมิต้านทาน : วิตามิน ซี ช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และออกฤทธิ์เป็นสาร Anti-Histamin สร้างภูมิคุ้มกันให้แกร่างกาย ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ป้องกันและบรรเทาอาการหวัด
     3.ดูแลระบบ หลอดเลือด : วิตามิน ซี ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะหลอดเลือดเล็กที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ เป็นการป้องกันโรคต่างๆที่เกิดจากหลอดเลือดไม่แข็งแรงได้ เช่น โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
       นอก จากนี้วิตามิน ซี ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆด้วย เช่น ลดอันตรายจากโลหะหนักหรือสารพิษต่างๆ ที่ร่างกายได้รับจากสิ่งแวดล้อมรวมทั้งช่วยให้การทำงานของต่อมหมวกไตดีขึ้น ส่งผลให้การผลิตฮอร์โมนต่างๆเป็นไปได้ดี และบางรายงานการวิจัยยังบอกอีกว่า วิตามิน ซี มีส่วนช่วยให้จำนวน Sperm เพิ่มมากขึ้นด้วย





      13.วิตามิน อี (Vitamin E)
              ประโยชน์ ของวิตามินอี (Vitamin E)
     1.ทำหน้าที่เป็นตัวเก็บกวาดอนุมูลอิสระที่อยู่ในส่วนที่เป็นไขมันของร่างกายเช่น ที่เยื่อหุ้มเซลล์ล์ต่างๆ
     2.ช่วยเสริมประสิทธิภาพของซิลิเนียมในการต้านอนุมูลอิสระ
     3.ช่วยป้องกันผิวจากการไหม้เกรียม ริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยแผลได้ดี
     4.ลดการเกิดไลโปฟุสซิน (lipofuscin) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกระ ที่ผิวหนัง
     5.ลดการแตกของเม็ดเลือดแดงในผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงแตกอันเนื่องมา จากขาดเอนไซม์ (G6PD)
     6.ช่วยชะลอการทรุดตัวของโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมสาเหตุมาจากความชรา จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินอี 1,300 IU ต่อวันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีจะช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมจากการอุดตันของเส้นเลือดในสมองได้
    7.ดูแลสุขภาพของหลอดเลือดและหัวใจ โดยได้มีการศึกษาในประเทศอังกฤษพบว่าคนที่ได้รับวิตามินอีอย่างน้อยวันละ 100 IU หลังการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจจะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันที่ผนังเลือดได้ และคนที่ได้รับวิตามินอีประมาณวันละ 400-800 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยปีครึ่งจะช่วยป้องกันอัตราการเกิดโรคหัวใจ วายได้ถึง 77%
    8.คนที่เป็นโรคเบาหวานรับประทานวิตามินอีเพียงวันละ 100 IU จะช่วยทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ดี
    9.ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของระบบสืบพันธุ์มีการศึกษาพบว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ ได้รับวิตามินอีวันละ 800 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน สามารถช่วยลดอาการต่างๆ เช่น อาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ เหนื่อยล้า ซึมเศร้า และเจ็บหน้าอกได้
       นอกจากนี้ในผู้ชายที่มีระบบสืบพันธุ์ไม่สมบูรณ์ พบว่าเมื่อได้รับวิตามินอี วันละ 200 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน จะมีโอกาสมีบุตรสูงขึ้น เนื่องจากวิตามินอีช่วยลดระดับของอนุมูลอิสระในน้ำอสุจิ จึงทำให้ผนังเซลล์ล์อสุจิแข็งแรงขึ้น และส่งผลให้มีอัตราการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นถึง 30% แต่ก็อาจไม่ปรากฏผลหากคนนั้นเป็นคนสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายความแข็งแรงของอสุจิ และอาจทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายเสื่อมโทรมลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น